12 วิธีในการช่วยพัฒนาช่วงเสียงร้องให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

19,361

 

12 วิธีในการช่วยพัฒนาช่วงเสียงร้องให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

  1. คุณไม่ควรกดดันตัวเองมากไป

    การร้องเพลงก็เหมือนศิลปะ สบายใจ อารมณ์ดีก็วาดออกมาสวย หงุดหงิด ไม่สบายใจ ก็วาดออกมาไม่ได้อย่างที่ใจหวัง  ถ้าเวลาเราจะร้องเพลง แล้วเครียด กลัวว่าจะร้องออกมาได้ไม่ดี ยิ่งกดดันตัวเอง ว่าต้องทำออกมาให้ดีให้ได้ ผลที่เกิดจะได้ในทางตรงข้ามกัน  เพราะยิ่งกดดันก็ยิ่งจะทำให้ร่างกายเครียด อวัยวะที่เกี่ยวกับการปล่อยเสียง ก็จะยิ่งบีบหรือเค้น และทำลายช่วงเสียงของคุณได้  ก่อนขึ้นเวทีควรฝึกฝนให้ได้มากที่สุด และทำใจให้สบายเมื่อต้องขึ้นร้องเพลงบนเวทั สนุกกับการร้องและการให้ความสุขกับผู้ฟัง แค่นี้ผลที้ได้ก็จะมีความสุขท้งผู้รับและผู้ให้

 

  1. ฝึกการไล่เสียงโดยใช้โน้ตแบบไม่ต่อเนื่องหรือเรียงกัน

    วิธีนี้จะช่วยให้คุณปล่อยเสียงโน้ตที่อยู่นอกเหนือช่วงเสียง(Range)ได้ง่ายขึ้น เป็นการฝึกสลับใช้ช่องเสียงไปในตัว ช่วงแรกของการฝึก อาจจะรู้สึกยากในการบังคับหรือสลับช่องเสียงขณะปล่อยเสียงอยู่บ้าง แต่เมื่อคุณเคยชินกับการปล่อยเสียงในโน้ตเหล่านั้นแล้ว คุณก็จะสามารถออกเสียงได้ง่ายและนานขึ้น

 

  1. รวมทุกช่องเสียงให้กลมกลืนเข้าด้วยกัน

    โดยการรวมทุกTone เสียงตั้งแต่ Head Tone, Mouth Tone, Mix. Chest Tone ให้เชื่อมต่อเข้าหากันให้ได้อย่างกลมกลืน  วิธีที่จะช่วยพัฒนาช่วงเสียงของคุณได้ เทคนิคง่ายๆ คือให้ฝึกสลับใช้ Tone เสียงใน Scale exercise หรือทำเสียงเหมือนไซเรนจากเสียงต่ำค่อยๆขยับขึ้นไปเสียงสูง เพื่อสร้างความแข็งแรงและทำใหช่องเสียงเชื่อมต่อกันอย่างกลมกลืน

 

  1. เปลี่ยนจุดโฟกัสเพื่อลดอาการเกร็งของช่องคอขณะร้องเพลง

    เช่น ลองก้มตัวไปด้วยขณะร้องเพลง จะช่วยขจัดความตึงเครียดของร่างกาย และช่วยให้อากาศไหลผ่านเส้นเสียงได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพยายามปล่อยโน้ตสูงๆ เมื่อฝึกไปเรื่อยๆ ความตึงเครียดของร่างกาย คอ จะลดลงทำให้สามารถเปล่งเสียงออกมาได้เองโดยไม่ต้องก้มตัวอีกอีก

 

  1. เมื่อพยายามเปล่งโน้ตที่สูงขึ้น ให้รู้สึกเหมือนกับกำลังร้องไห้

    ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ต่อมไทรอยด์เอียง และช่วยให้เราเปล่งโน้ตสูงๆ ได้ง่ายขึ้นมาก ต้องหมั่นฝึกฝนอยู่เรื่อยจนกว่าร่างกายจะจำความรู้สึกนี้ได้ และเมื่อคุณไม่อยากทำเหมือนกำลังร้องไห้อีกต่อไป คุณก็จะสามารถเปล่งโน้ตเหล่านั้นได้เองโดยปริยาย…และเป็นธรรมชาติ

 

  1. ฝึกการสั่นหรือรัวลิ้น Lips Roll, Tongue Trill

    โดยวางลิ้นระหว่างฟันหน้าบนและเพดานปาก จากนั้นให้ดันอากาศผ่านช่องปาก วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อในลำคอและช่วยผ่อนคลายอาการเกร็งของช่องคอและจะทำให้คุณค่อยๆแตะโน้ตที่คุณไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ได้ดีขึ้น  ควรฝึกทำ lips roll และ tongue trill ใน scale exercise ด้วย

 

  1. เชิดศีรษะขึ้น

    การทำแบบนี้จะช่วยจำกัดอากาศที่ไหลผ่านร่างกายอย่างเหมาะสม ซึ่งทำให้เราสามารถแตะโน้ตที่ต้องการได้ พยายามตั้งศีรษะให้ตรงอยู่เสมอ เพื่อให้อากาศไหลเวียนได้ ไม่ว่ากำลังพยายามเปล่งโน้ตไหนก็ตาม

 

    1. หายใจผ่านกะบังลมให้ถูกต้อง

      การหายใจที่ถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยให้มีแรงในการส่งลมเพื่อให้แตะโน้ตสูงๆ ที่อยู่นอกเหนือจากช่วงเสียงของเราได้ง่ายขึ้น ลองฝึกบังคับการหายใจแบบที่ให้หน้าท้องเป็นตัวบังคับลมเพียงอย่างเดียว และนำไปใช้ในขณะร้องเพลงจะยิ่งทำให้คุณสามารถควบคุมและบังคับเสียงได้ดีขึ้น

    2. ฝึกร้องเพลงโดยให้มีจุดโฟกัสเสียงอยู่ในระดับเดียวกับการพูด

      เพราะมันจะช่วยทำให้กล่องเสียงของเราผ่อนคลาย ไม่กดตำแหน่งเสียงลงมาที่คอ  ทำให้สามารถเชื่อมเสียงขึ้นหรือลงได้ง่ายขึ้น และสามารถเปล่งโน้ตใหม่ๆ ได้ ซึ่งในอีกทางหนึ่งก็จะช่วยให้คุณพัฒนาความจำของกล้ามเนื้อในการปล่อยเสียงที่เหมาะสมด้วย (muscle memory)

    3. เลือกร้องเพลงที่เสียงสูงที่สุด

      ที่คุณสามารถเอาอยู่แบบสบายๆ ให้ร้องเพลงนั้นวันละหลายๆ รอบ การฝึกทำซ้ำๆบ่อยๆ จะเป็นการสร้างความคุ้นเคยของอวัยวะที่ใช้ในการปล่อยเสียง ทำให้สามารถควบคุมให้ผ่อนคลายและง่ายขึ้นในการปล่อยตัวโน้ตลูงๆ ในที่สุดมันจะไม่ยากเย็นอีกต่อไป จากนั้นค่อยลองจัดการกับเพลงใหม่ที่มีช่วงเสียงสูงขึ้น

    4.  เลือกร้องเพลงที่เสียงต่ำที่สุด

      ที่คุณสามารถร้องได้ไม่ยาก ในเวลาไม่นาน คุณจะเริ่มรู้สึกสบายขึ้นกับการใช้ช่วงเสียงต่ำ ตอนนี้แหละ ให้คุณเลือกเพลงที่มีช่วงเสียงต่ำลงไปอีก และฝึกจนกว่าจะชำนาญ

    5. การไหลเวียนของอากาศที่สม่ำเสมอก็เป็นคีย์สำคัญ

      นักร้องหลายคนจะเปลี่ยนอัตราเร็วเมื่อหายใจออก ขณะปรับเสียงขึ้นลงในช่วงเสียงสูงและเสียงต่ำ คุณจำเป็นต้องมั่นคงขณะหายใจออก ไม่ว่ากำลังร้องโน้ตไหนออกมาก็ตาม

 

 

นอกจากนี้คุณยังอาจต้องการ