เรื่องเกิดจาก.. จะสอนผมได้มั๊ยครับ..?
พอดีว่าในหน้าเว็บบอร์ดของเราได้มีน้องคนหนึ่งใช้ชื่อว่า Ton_kung ได้มาตั้งคำถามใว้ และครูคิดว่ามันเป็นคำถามที่น่าจะยกเอามาเป็นเรื่องเล่าและเป็นกรณีศึกษาเล็กๆได้อีกกรณีหนึ่ง สำหรับผู้ที่คิดจะเรียนร้องเพลง หรือกำลังเรียนร้องเพลงอยู่
วันนี้เลยจะขอเอาคำถามของน้อง Ton_kung ได้มาพูดถึงและบอกเล่ากันในเชิงแบบกึ่งตอบคำถาม-กึ่งเล่าให้ฟังนะคะ
น้องเค้าถามมาอย่างนี้นะคะ
ขยายข้อความในภาพ
ขอสอบถามวิธีการสอนหน่อยนะครับ
คือว่าผมเรียนร้องเพลงมาแล้วประมาณ 2ปีกว่าๆ (ตอนนี้หยุดเรียนมาแล้วประมาณ 3เดือน) ครูคิดว่าผมน่าจะต้องเรียนอะไรที่เกี่ยวกับการร้องเพลงเพิ่มเติมอีกหรือป่าว ครับ และถ้าต้องเรียนครูจะสอนผมได้มั๊ยครับ
และอีกอย่างคือ ผมสงสัยนิดหน่อยว่าครูทำไมคิดค่าเรียนถูกจังเลยครับ ทั้งๆที่ประวัติการสอนของครูไม่ธรรมดาเลยครับ ฮืม
ขอโทษนะครับครูที่ถามมาตรงๆแบบนี้
ด้วยความเคารพครูนะครับ
คำตอบของครูแอร์ ก็คือ
ที่Ton_kungบอกว่าเรียนมา สองปีกว่าๆ ครูก็ไม่รู้ว่าTon_kung ได้เรียนรู้เรียนอะไรมาบ้าง และทำได้ดีแค่ไหน ส่วนที่ต้องเรียนอะไรเพิ่มเติมอีกบ้างนั้น..ครูก็ไม่สามารถจะรู้ได้เลยค่ะ
ส่วนเรื่องที่จะสอน Ton_kung ได้มั๊ยนั้น ส่วนหนึ่งก็ต้องอยู่ที่ตัวน้องTon_kungเองด้วยค่ะ ว่าจะเปิดใจรับฟังคำสอนของครูคนนี้แค่ไหน เท่าที่อ่านๆดูจากคำถามTon_kung แล้ว ดู Ton_kung น่าจะเป็นคนที่มีความมั่นใจในการร้องของตัวเองอยู่ในระดับที่จัดว่าสูงทีเดียว และหากความมั่นใจตรงนี้ของน้องมันคือ ego ล่ะก็ ครูคิดว่าไม่น่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาเรียนอีก เพราะมันจะเสียเวลาไปอีกหลายชั่วโมง กว่าครูจะทำลายกำแพงความมั่นใจของ Ton_kung ได้ หรือหากโชคร้ายใครคนหนึ่งถอดใจไปซะก่อน ก็อาจจะทำลายกำแพงตรงนั้นไม่ได้เลย
ที่พูดอย่างนี้เพราะมีกรณีตัวอย่างที่ครูเจอมาหลายคนเหมือนกันนะค่ะ นักเรียนที่มี่ ego แรง ในชั่วโมงเรียนครูพยายามจะเลือกเพลงที่คิดว่าน่าจะแบบฝึกหัดให้ และมันก็เข้ากับหัวข้อที่ครูจะสอน แต่นักเรียนกลับบอกว่าไม่เอา,,อยากจะร้องเพลงนั้นเพลงนี้ เหตุผลที่เค้าคิดแค่เพียงเพราะว่าชอบเพลงนี้ และเพลงนี้น่าจะเหมาะกับเสียงเค้า (ได้ยินอย่างนี้ นึกอยู่ในใจทันที..เอ้าาา..รู้แล้ว คิดเอาเองอย่างงี้แล้ว..จะมาเรียนกะเราทำไมหว่า..55) เจอนักเรียนแบบนี้..เป็นแบบนี้หลายๆครั้ง..แรกๆครูทำได้อย่างเดียวค่ะ คือสอนๆไปให้หมดชั่วโมง อยากร้องเพลงไรก็เปิดๆให้ไปเหมือนเป็นพนักงานเปิดเพลงให้ร้อง และหมดชั่วโมงไป สิ่งที่นักเรียนคนนั้นได้ไปคือ ไม่ได้อะไรเลย แถมยังไปคุยที่อื่นอีกนะว่า ครูคนนี้ไม่เห็นจะมีอะไรจะสอนเลย สอนก็เหมือนไม่สอน งั้นๆแหละ.. คิดดูสิคะ..น่าจะรับมาเป็นลูกศิษย์ตั้งแต่แรกมั๊ย.. กว่าจะทำให้เค้ายอมรับฟังเราได้ ครูต้องใช้ความอดทนและความพยายามอยู่นาน บางคนเกือบ 10ชั่วโมง แต่เชื่อมั๊ยที่นานที่สุดที่กว่าจะค่อยๆทำลาย ego เค้าได้ ครูใช้เวลาถึง 52ชั่วโมง หรือ ปีกว่าๆ (จำได้ขึ้นใจเลยค่ะ)
เอาล่ะๆ..ที่นำมาเล่าให้ฟังในย่อหน้าที่ผ่านมานั้น ครูเพียงอยากจะบอกกับผู้เรียนและผู้ที่กำลังจะหาที่เรียนว่า หากเราคิดจะไปเป็นศิษย์ใครแล้ว เราควรจะมีความศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวครูท่านนั้นก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อที่เราจะได้เปิดใจรับฟังครูให้มากที่สุด การเรียนการสอนก็จะง่ายขึ้น การสื่อสารต่างๆระหว่างกันก็จะรวดเร็วขึ้น ส่วนวิธีการสอนนั้น ครูแต่ละท่านก็ย่อมจะต้องมีวีธีการที่แตกต่างกันไป ตามมุมมองของแต่ละท่านอยู่แล้ว แต่สุดท้ายไม่ว่าใครจะสอนแบบไหน ครูทุกคนย่อมต้องพยายามสรรหาวิธีการต่างๆที่ดีที่สุดมาสอน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ศิษย์ทุกคนไปถึงจุดหมาย หรือประสบความสำเร็จ เท่าที่จะทำได้อยู่แล้วล่ะค่ะ (ครูเชื่ออย่างนั้น)
ส่วนวิธีการสอนของครูแอร์นะคะ จะเป็นการสอนที่มีการปรับวิธีการสอน และเนื้อหาไปตามวัตถุประสงค์ของผู้เรียนค่ะ เช่น วัยรุ่นบางคนมาก็เรียนเพื่อต้องการไปออดิชั่นตามค่ายเพลงต่างๆ ก็จะสอนอีกแบบ แต่หากบางคนมาเรียนเพราะอยากจะลองเรียนดูก่อนยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ก็จะสอนอีกแบบหนึ่ง หรือผู้ใหญ่ที่เป็นนักธุรกิจก็มาจะเรียนเพื่อสำหรับการออกงานสังคม ก็จะสอนอีกแบบ แต่ก็มีบางท่านที่ตั้งใจมาเรียนร้องเพลงเพื่อเป็นการเสริมสร้างสุขภาพ ก็จะสอนอีกแบบไป เป็นต้น แต่ละคนก็แต่ละแบบ ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรตายตัวค่ะ
แต่ไม่ว่าใครจะมาเรียนด้วยวัตถุประสงค์ใด หัวใจหลักของการสอนของครูจะเหมือนๆกันคือ การเรียนที่จะต้องผ่อนคลายไม่เคร่งเครียด เหตุผลก็เพื่อให้ผู้เรียนสามารถร้องได้-เก่งได้ โดยวิธีที่ไม่ใช่เป็นการจำ แต่เป็นการค่อยๆซึมซับวิธีการและเทคนิคต่างๆจนไปอยู่ในความจำที่เรียกว่าจิตใต้สำนึก ซึ่งที่สุดก็จะเกิดเป็นทักษะทางการร้องเพลง ที่จะเป็นความจำระยะยาวที่ไม่มีวันลืม หากใครเกิดทักษะแล้วล่ะก็ จับไมค์ขึ้นมาร้องเมื่อไหร่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เรียนรู้มา มันจะออกมาเองอย่างอัตโนมัติและอย่างลงตัว ไม่ว่าจะร้องเพลงแบบไหน.. ต่อให้ร้องพลิกแพลงแค่ไหน เพลงๆที่เราร้องก็จะยังคงได้รับคำชมจากคนข้างๆอย่างแน่นอนค่ะ
ที่แหล่มๆกว่านั้น(ขอใช้ศัพท์วัยรุ่นหน่อยนะคะ..55) หากเป็นน้องๆในวัยที่อยากจะก้าวไปสู่การเป็นศิลปินอย่างจริงจัง สิ่งที่เรียกว่าทักษะนี่แหละถ้าน้องยิ่งมีมากเท่าใหร่ก็จะยิ่งทำให้เราสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้น จนเกิดเป็นแบบฉบับของตัวเราเองได้ และในที่สุดความเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง ก็ไม่น่าจะไกลเกินที่จะไขว่คว้าได้ค่ะ
และเรื่องค่าเรียน ครูว่าตามไปดูคำตอบในนี้ดีว่านะคะที่ ==>> https://kruair.com
ขอสงวนลิขสิทธิ์ในบทความนี้ กรุณาแจ้งผู้ดูแลเว็บก่อนนำบทความนี้ไปใช้ หรือแก้ไข หรือดัดแปลง
KruAir.com